แอสตัน วิลล่า 0 – 2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ชมวีดีโอคลิปไฮไลท์การแข่งขัน คลิ๊กที่นี่
สนาม วิลล่า พาร์ค, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 37,128 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ
เวลา 19.45 น. วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม 2548
ผู้ตัดสิน ไมค์ ดีน
ปิศาจแดง โชว์ฟอร์มเจ๋งบุกทุบวิลล่า พังคาถิ่นมิดแลนด์
เป้าหมายในการคว้าชัยชนะทั้ง 5 นัดในช่วงคริสต์มาสและปีใหม่ ซึ่งเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ตั้งเป้าเอาไว้ก่อนเกมกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาในการพบกับวีแกน แอธเลติก ยังคงสามารถทำให้สำเร็จได้ หลังจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเค็ด คว้า 3 คะแนนสำคัญได้อีกจากการเอาชนะแอสตัน วิลล่า 2-0 ที่สนามวิลล่า พาร์ค เมื่อวันเสาร์
รุด ฟาน นิสเตลรอย ทำประตูให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปก่อนตั้งแต่นาทีที่ 10 และเวย์น รูนี่ย์ มาทำประตูเพิ่มให้กับทีมได้หลังจากเริ่มต้นครึ่งหลังมาได้ 6 นาที
ชัยชนะในนัดนี้ทำให้ลดช่องว่างจากเชลซี จ่าฝูงในตารางพรีเมียร์ชิพลงเหลือ 6 คะแนน อย่างน้อยก็ 24 ชั่วโมงก่อนที่ทีมของโชเซ่ มูรินโญ่ จะพบกับอาร์เซน่อล ที่สนามไฮบิวรี่ ในวันอาทิตย์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปลี่ยนแปลงทีมเพียงตำแหน่งเดียวจากชุดที่ถล่มวีแกน 4-0 ที่สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อกลางสัปดาห์ โดยให้ปาร์ค จีซุง ลงสนามในตำแหน่งปีกขวาแทนที่ของอลัน สมิธ ในแผงกองกลาง โดยให้ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ หุบเข้าไปเล่นตรงกลาง
ริทชี่ โจนส์ ซึ่งทำประตูสุดท้ายในเกมทีมสำรองที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถล่มโบลตัน วันเดอร์เรอร์ส 5-0 เมื่อวันพฤหัสบดี มีชื่อเป็นตัวสำรองร่วมกับฟิลลิป บาร์ดสลี่ย์, ทิม โฮเวิร์ด, จูเซ็ปเป้ รอสซี่ และคริสเตียโน่ โรนัลโด้
วิลล่า เคยเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เพียง 2 ครั้งเท่านั้นในพรีเมียร์ชิพ ซึ่งเกิดขึ้นที่สนามวิลล่า พาร์ค ในฤดูกาล 1992/93 (ชนะ 1-0) และ 1995/96 (ชนะ 3-1)
ไม่น่าเชื่อว่า มีนักเตะของวิลล่าเพียง 2 คนเท่านั้นที่สามารถเจาะประตูปิศาจแดง ได้ที่สนามของพวกเขาเองนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 1995 โดยจูเลี่ยน โจอาชิม ทำประตูได้ในเกมที่เสมอ 1-1 เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 1998 และดาริอุส วาสเซลล์ ทำประตูได้ในเกมที่เสมอ 1-1 อีกครั้งเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2001
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ในชุดทีมเยือนสีน้ำเงินล้วน ในช่วงเริ่มเกมเป็นวิลล่า ที่ดูดีกว่าในช่วง 2-3 นาทีแรก พวกเขาได้โอกาสทำประตูก่อนแต่ยังไม่สามารถส่งบอลผ่านมือเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เข้าไปได้ มันเป็นการเริ่มเกมที่ดีสำหรับเจ้าบ้านในบ่ายที่แดดจัดแต่เย็นยะเยือกในเมืองเบอร์มิงแฮม
อย่างไรก็ตาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ต้องรอนานก็โต้ตอบกลับมาได้ โดยในนาทีที่ 7 เวย์น รูนี่ย์ ไหลบอลทะลุช่องอย่างยอดเยี่ยมมาให้ปาร์ค ได้ยิงเรียดเต็มข้อ แต่บอลไปชนโคนเสาอย่างน่าเสียดาย มันเป็นความโล่งใจอย่างมากของแฟนบอลเจ้าถิ่น แต่พวกเขาก็ไม่ได้โชคดีอีกครั้งในอีก 3 นาทีต่อมา
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จ่ายบอลกันอย่างไหลลื่น และในนาทีที่ 10 แฟนบอลปิศาจแดง ที่เดินทางมาเชียร์ก็ได้เฮลั่นกับประตูแรกของเกม ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ แทงบอลทะลุช่องอย่างสมบูรณ์แบบผ่านแผงกองหลังไปให้กับรุด ฟาน นิสเตลรอย ที่สลัดหลุดการประกบของกองหลังของวิลล่า ก่อนที่จะยิงบอลข้ามตัวโซเรนเซ่น ลอยเข้าไปตุงตาข่ายนิ่มๆ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำไปอย่างรวดเร็ว 1-0 ในนาทีที่ 10
เกมผ่อนคลายลงผลัดกันรุกและรับโดยไม่มีฝ่ายใดได้ครองเกมถนัดนัก แต่เป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่อันตรายกว่าในเกมรุก โอกาสทำประตูถนัดๆ มีไม่มากนัก แต่ฟาน นิสเตลรอย ก็เกือบจะทำประตูเพิ่มให้กับตัวเองได้ในนาทีที่ 34 ด้วยลูกตีลังกายิงอย่างสวยงาม แต่โซเรนเซ่น ยังปัดออกหลังไปได้
จบครึ่งแรก แอสตัน วิลล่า โดนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกมานำอยู่ 1-0
เริ่มต้นครึ่งหลัง เดวิด โอเลียรี่ ผู้จัดการทีมวิลล่า เปลี่ยนแปลงแผนการเล่นจากระบบ 4-5-1 ที่ใช้ในครึ่งแรกมาเป็นระบบ 4-4-2 โดยเปลี่ยนเอาเจมส์ มิลเนอร์ ออกไปแทนที่ด้วยฮวน ปาโบล อังเคล ที่ลงมาเป็นกองหน้าคู่กับมิลาน บารอส
วิลล่า ตั้งความหวังอย่างเห็นได้ชัดว่าคู่หัวหอกของพวกเขาจะมีโอกาสเจาะแผงกองหลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้บ้าง แต่พวกเขากลับต้องลำบากหนักขึ้นไปอีกในนาทีที่ 51 เมื่อปิศาจแดง ขึ้นนำห่างออกไปจากประตูของรูนี่ย์ โดยเป็นปาร์ค ที่เจาะแผงกองหลังเจ้าถิ่นด้วยการลากเลื้อย ก่อนที่จะไหลบอลไปให้กับรูนี่ย์ ที่ยิงเรียดเต็มแรง บอลพุ่งผ่านมือโซเรนเซ่น ชนเสาไกลเด้งเข้าประตูไป แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นนำห่าง 2-0 ในนาทีที่ 51
มาถึงตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด น่าจะคว้าชัยชนะได้แล้ว แต่วิลล่า ก็โชคไม่ดีที่ไม่สามารถทำประตูตีไข่แตกได้ในช่วงที่บุกกดดันได้หลังจากประตูของรูนี่ย์
แกเร็ธ แบร์รี่ กัปตันทีมวิลล่า เกือบจะทำประตูได้จากลูกกลับตัวยิงแต่บอลออกข้างไปนิดเดียว และบารอส ได้โหม่งลูกเปิดจากฝั่งซ้ายของอังเคล แต่บอลไปชนคานเต็มๆ
กลับไปที่อีกด้านหนึ่ง กองเชียร์ของปิศาจแดง ก็เกือบจะได้เฮลั่นอีกครั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนไรอัน กิ๊กส์ เปิดลูกฟรีคิกจากทางฝั่งขวา รูนี่ย์ จักรยานอากาศอย่างสวยงามโดนบอลเต็มๆ แต่โซเรนเซ่น ยังป้องกันเอาไว้ได้
เกวิน แม็คแคนน์ น่าจะทำได้ดีกว่านี้ในนาทีที่ 74 หลังจากสตีเว่น เดวิส ไหลบอลให้อย่างยอดเยี่ยม อดีตนักเตะซันเดอร์แลนด์ เห็นช่องยิงโล่งๆ แต่ลูกยิงของเขาเบาเกินไปและไร้ทิศทาง ทำให้ฟาน เดอร์ ซาร์ ป้องกันไว้ได้สบาย
ในช่วงทดเวลาเจ็บ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เกือบจะได้ประตูอีกครั้งจากลูกไขว้เปิดอย่างงดงามทางฝั่งซ้ายของโรนัลโด้ เข้าหัวฟาน นิสเตลรอย พอดี แต่ดาวยิงดัตช์แมนกลับโหม่งหลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย
จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกมาเอาชนะแอสตัน วิลล่า ได้ถึงถิ่น 2-0 ทำให้ตอนนี้ปิศาจแดง ยังคงเป็นรองจ่าฝูงของตารางพรีเมียร์ชิพ โดยมี 37 คะแนนจากการลงเล่น 17 นัด (บรรยายเกมโดย DaKinG)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แอสตัน วิลล่า
โธมัส โซเรนเซ่น 1
แกเร็ธ แบร์รี่ 6
วิลเฟรด บูม่า 16
มาร์ค เดอลานี่ย์ 2
แอรอน ฮิวจ์ส 18
เลียม ริดจ์เวลล์ 19
ไอริค บัคเค่ 24
สตีเว่น เดวิส 12
เกวิน แม็คแคนน์ 8
เจมส์ มิลเนอร์ 11
มิลาน บารอส 10
สำรอง
สจ๊วร์ต เทย์เลอร์ 13
อูลิเซส เดอ ลา ครูซ 15
ลี เฮนดรี่ 7
ฮวน ปาโบล อังเคล 9 ( น. 61) น. 45 เจมส์ มิลเนอร์ 11
ลุค มัวร์ 22
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 19
เวส บราวน์ 6
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
แกรี่ เนวิลล์ 2
จอห์น โอเชีย 22
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24
ไรอัน กิ๊กส์ 11
พอล สโคลส์ 18
ปาร์ค จีซุง 13
เวย์น รูนี่ย์ 8 ( น. 51)
รุด ฟาน นิสเตลรอย 10 ( น. 10)
สำรอง
ทิม โฮเวิร์ด 1
ฟิลลิป บาร์ดสลี่ย์ 26
ริทชี่ โจนส์ 49
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7 น. 62 ไรอัน กิ๊กส์ 11
จูเซ็ปเป้ รอสซี่ 42
สถิติของเกม
แอสตัน วิลล่า ลูกยิงตรงกรอบ 4, ลูกยิงหลุดกรอบ 3, ลูกยิงโดนบล็อค 3, เตะมุม 2, ฟาวล์ 22, ล้ำหน้า 1, ใบเหลือง 1, การครองบอล 43%
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำประตู 2, ลูกยิงตรงกรอบ 6, ลูกยิงหลุดกรอบ 6, ลูกยิงโดนบล็อค 4, เตะมุม 6, ฟาวล์ 16, ล้ำหน้า 5, การครองบอล 57%
คะแนนความสามารถนักเตะ
แอสตัน วิลล่า โธมัส โซเรนเซ่น 7, มาร์ค เดอลานี่ย์ 7, แอรอน ฮิวจ์ส 5, เลียม ริดจ์เวลล์ 6, วิลเฟรด บูม่า 6, แกเร็ธ แบร์รี่ 7, เจมส์ มิลเนอร์ 6, ไอริค บัคเค่ 6, สตีเว่น เดวิส 8, เกวิน แม็คแคนน์ 7, มิลาน บารอส 7, ฮวน ปาโบล อังเคล (สำรอง) 7
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 7, แกรี่ เนวิลล์ 7, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 7, เวส บราวน์ 6, จอห์น โอเชีย 7, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 8, พอล สโคลส์ 7, ไรอัน กิ๊กส์ 7, ปาร์ค จีซุง 8, รุด ฟาน นิสเตลรอย 9, เวย์น รูนี่ย์ 8, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (สำรอง) 7
Por